เคยเจอปัญหาเครื่องยนต์มีความร้อนสูงผิดปกติ ช่างตรวจดูเครื่องยนต์หลายๆ จุดแล้ว ก็ไม่พบสาเหตุมั้ยครับ?
“ฝาหม้อน้ำ” นี่แหละที่อาจเป็นตัวต้นเหตุ เนื่องจาก…
- แผ่นยางเล็ก ๆ ด้านล่างฝาหม้อน้ำหมดอายุการใช้งาน เกิดการแข็งตัว เปราะ หรือฉีกขาด
- หม้อน้ำที่สกปรกเป็นสนิม จนทำให้วาล์วและสปริงเกิดเป็นสนิม
สิ่งเหล่านี้ทำให้ฝาหม้อน้ำไม่อาจควบคุมแรงดันและไม่อาจคงความเป็นสุญญากาศในระบบได้ ทำให้น้ำยาหล่อเย็นหาย จนอาจเกิดความเสียหายต่อระบบระบายความร้อนของรถยนต์ จนเครื่องยนต์ร้อนผิดปกติได้นั่นเองครับ
ฝาหม้อน้ำ ไม่ใช่แค่ฝาสำหรับปิดหม้อน้ำเท่านั้น
หน้าที่อันสำคัญของฝาหม้อน้ำคือ เป็นอุปกรณ์ควบคุมแรงดันภายในหม้อน้ำให้มีความคงที่ ตามตัวเลขแรงดันที่ระบุเอาไว้บนฉลากที่ติดอยู่กับฝาหม้อน้ำ เช่น 0.9 บาร์ หรือเท่ากับ 13.22 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เป็นต้น การที่ทำให้ภายในหม้อน้ำมีแรงดันเพิ่มมากขึ้นนั้น ก็เพื่อที่จะเพิ่มจุดเดือดของน้ำในระบบหล่อเย็นให้สูงขึ้นนั่นเอง
หลักการทำงานของฝาหม้อน้ำ
ฝาหม้อน้ำมีวาล์วที่มีสปริงกำหนดแรงกด เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน จะเกิดความร้อนสูง น้ำที่วิ่งอยู่ในระบบจะนำพาเอาความร้อนกลับเข้ามามายังหม้อน้ำ น้ำที่มีอุณหภูมิสูงย่อมจะมีแรงดันที่สูงขึ้น จากการขยายตัวของน้ำที่จะกลายเป็นไอ เมื่อแรงดันสูงมากกว่าแรงกดของสปริงที่วาล์ว วาล์วก็จะเปิด และปล่อยให้น้ำร้อนที่มีแรงดันสูง ไหลไปยังถังพักน้ำ
ภาพแสดงการระบายแรงดันเกินของวาล์วในฝาหม้อน้ำ
เมื่อเครื่องยนต์หยุดทำงาน และน้ำเย็นลง น้ำจะหดตัว ทำให้เกิดช่องว่างเป็นสุญญากาศ และเกิดแรงไปดึงน้ำในถังพักน้ำ กลับเข้ามาอยู่ในหม้อน้ำตามเดิม
ภาพแสดงการไหลของน้ำจากถังพักน้ำกลับเข้าสู่หม้อน้ำ
ฝาหม้อน้ำ มีอายุการใช้งานเท่าไหร่?
ควรเปลี่ยนฝาหม้อน้ำทุกๆ 3-4 ปี หรือทุก 40,000 – 50,000 กิโลเมตร เพราะฝาหม้อน้ำจะมียางกันรั่วตรงขอบบ่ารองด้านในที่จะเสื่อมสภาพไม่สามารถกันน้ำรั่วออกจากหม้อน้ำได้ รวมถึงสปริงแรงดันสูงและสปริงสุญญากาศเมื่ออยู่กับความร้อนนานๆ ค่าความแข็งก็จะเสียไป อาจจะทำให้น้ำไหลออกจากหม้อน้ำมากเกินไปหรือไม่ดูดกลับเข้ามาในหม้อน้ำได้
เมื่อถึงเวลาก็เปลี่ยนเถอะครับ ราคาไม่แพงอย่างที่คิด ดีกว่าปล่อยให้เกิดความเสียหายที่ต้องจ่ายแพงกว่าอีกหลายเท่าตัว โดยสามารถเบิกที่ศูนย์ฯหรืออู่ทั่วไปที่ใช้ผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐาน และเลือกแรงดันให้ตรงกับของเดิมที่ใส่อยู่ครับ