น้ำมันเครื่องเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกับเครื่องยนต์และระดับน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมก็มีความสำคัญด้วยเช่นกัน ดังนั้นในการใช้รถควรวัดระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ การวัดระดับน้ำมันเครื่องไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็มีสิ่งที่ควรรู้เพื่อให้การวัดระดับน้ำมันนั้นถูกต้อง
เวลาที่เหมาะกับการตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องคือเวลาที่เครื่องยนต์เย็น หากเพิ่งมีการใช้งานควรดับเครื่องยนต์และปล่อยทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้น้ำมันเครื่องที่ไหลไปหล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์ไหลกลับลงอ่างน้ำมันเครื่องเสียก่อน จะได้ตรวจสอบได้แน่ชัดว่าระดับน้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์ในตอนนั้นมีปริมาณเท่าไร อีกประการหนึ่งที่สำคัญควรจอดรถให้อยู่ในแนวระนาบ หากจอดในพื้นที่เอียงจะทำให้การตรวจเช็คมีความคลาดเคลื่อน
เมื่อสภาวะของเครื่องยนต์และการจอดรถอยู่ในลักษณะที่เหมาะสมแล้ว ครั้งแรกที่ดึงก้านวัดขึ้นมาให้เช็ดทำความสะอาดเสียก่อน จากนั้นเสียบก้านวัดกลับเข้าไปจนสุดแล้วค่อยดึงขึ้นมาดูอีกครั้ง ระดับน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมจะต้องอยู่ในระดับ Max หรือ F (Full) อาจต่ำหรือเกินกว่านั้นได้เล็กน้อย แต่หากพบว่าระดับน้ำมันเครื่องต่ำกว่าระดับ F ค่อนข้างมาก หรือต่ำเกินกว่าครึ่งหนึ่งระหว่างขีด L (Low) กับ F (Full) ถือว่าอยู่ในระดับที่ผิดปกติ
สำหรับคนที่ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องเป็นประจำ แล้วสังเกตุเห็นว่าระดับน้ำมันเครื่องจากที่อยู่ต่ำกว่าระดับ F เพียงเล็กน้อยและค่อย ๆ ต่ำลงเรื่อย ๆ ให้รีบตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุ อาจจะให้ช่างช่วยตรวจสอบเพื่อความชัดเจน เพราะการที่น้ำมันเครื่องลดต่ำลงอย่างชัดเจนแบบนั้นย่อมแสดงว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น หากปล่อยให้น้ำมันเครื่องต่ำมาก ๆ ย่อมส่งผลเสียกับเครื่องยนต์อย่างแน่นอน
การที่น้ำมันเครื่องพร่องลงจากระดับ F เป็นการแสดงความผิดปกติของเครื่องยนต์โดยมีสาเหตุสำคัญ ๆ ที่พบบ่อย ๆ เช่น “มีการรั่วซึมของซีล” อาจจะเป็นซีลเพลาข้อเหวี่ยงหรือที่มักเรียกกันว่าซีลหน้าเครื่องยนต์ ซีลน็อตถ่ายน้ำมันเครื่องหรือปะเก็นอ่างน้ำมันเครื่องก็มีส่วนได้เช่นกัน แต่หากเป็นรถที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างมากหรือใช้งานหนักอาจเป็นผลมาจากการที่ “เครื่องหลวม” ทำให้มีน้ำมันเครื่องเล็ดลอดผ่านแหวนลูกสูบไปยังห้องเผาไหม้ได้ สาเหตุเหล่านี้ถ้าพบและแก้ไขแต่เนิ่นๆ ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เป็นปัญหาปกติตามอายุการใช้งาน
แต่หากละเลยปล่อยให้น้ำมันเครื่องต่ำมากๆ ปัญหาที่จะพบลำดับต่อไปซึ่งส่งผลเสียกับเครื่องยนต์มากขึ้นอีกก็คือ “เครื่องยนต์มีเสียงดัง” อันเนื่องมาจากการเสียดสีกันระหว่างแหวนลูกสูบและผนังกระบอกสูบเพราะน้ำมันหล่อลื่นไม่เพียงพอ ถ้ายังฝืนใช้ต่อไปการสึกหรอจะรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้ายังคงปล่อยไปอย่างนั้นพร้อมกับการที่ระดับน้ำมันเครื่องยังลดต่ำลงอาจต้องเจอการซ่อมภาคบังคับจากการที่ “ชาร์ฟละลาย” ถึงตอนนี้คงไม่สามารถฝืนใช้ต่อไปได้แล้ว คงต้องมาลุ้นกันว่าค่าซ่อมจะอยู่ที่เท่าไร
สามารถดูขั้นตอนการตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องง่าย ๆ ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=D5BlSxXS9jA&t=2s